วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Chapter 9 การเลือกใช้สื่อและวิธีการจัดการเรียนรู้



Chapter 9 การเลือกใช้สื่อและวิธีการจัดการเรียนรู้
ภารกิจเดี่ยว สรุปข้อความรู้

นอกจากการผลิตสื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพแล้ว ผู้สอนควรเข้าใจถึงหลักการใช้สื่อ
ประเภทต่างๆ เพราะสื่อแต่ละประเภทนั้นมีคุณลักษณะและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราควรรู้จักวิธีการและหลักการใช้สื่อเพื่อให้สามารถดำเนินการจัดการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่น

การเตรียมสำหรับจัดประสบการเรียนรู้
          การจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพนั้นผู้สอนควรดำเนินการจัดเตรียมความพร้อมและสิ่งที่
จะสนับสนุนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายและเกิดการเรียนรู้ที่ดี
ซึ่งผู้สอนจะต้องจัดเตรียมความพร้อมของสื่อและวัสดุ อุปกรณ์ สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
ความพร้อมของผู้เรียน และกระบวนการตามบทเรียนที่วางไว

การใช้สื่อประเภทเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์
          ในการจัดการเรียนรู้แต่ละครั้งนั้น ผู้สอนจะใช้สื่อประกอบเพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจ
บทเรียน นำเสนอบทเรียน กระตุ้นความสนใจในการเรียน และสามารถให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อเพื่อสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สอนควรรู้หลักการในการใช้สื่เพื่อให้การดำเนินการจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


การใช้สื่อประเภทวิธีการ
ปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เปลี่ยนมามุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นผู้มีบทบาทในการ
ลงมือกระทำ คิดและสร้างความรู้ขึ้นด้วยตนเอง ดังนั้นผู้สอนจึงควรเลือกใช้สื่อประเภทวิธีการที่
สอดคล้องกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังตัวอย่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้


ดังต่อไปนี้

ภารกิจกลุ่ม
สถานการณ์ปัญหา(Problem-based learning)
         ครูพลกิต เป็นครูที่พึ่งมาบรรจุใหม่หลังจากที่รายงานตัวต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจำจังหวัดที่สังกัดแล้วก็ไปรายงานตัวต่อโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ผู้อำนวยการโรงเรียนมอบหมายให้ครูพลกิตสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และเป็นห้องเด็กเก่งด้วย ยิ่งทำให้ ครูพลกิตรู้สึกไม่มั่นใจในการสอนว่าตนเองจะสามารถทำได้ดีหรือไม่และนักเรียนจะสนุกหรือสนใจในวิธีการสอนของตนเองหรือไม่ ที่สำคัญคือนักเรียนห้องนี้มีลักษณะที่ชอบค้นคว้า หาความรู้ กิจกรรมที่เน้นให้ปฏิบัติได้ลงมือกระทำ ฝึกคิดหรือที่ท้าทายการทำงานนักเรียนจะชอบมาก อีกทั้งยังเรียนพิเศษแบบเข้มข้นเนื้อหาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้และทำความเข้าใจอย่าลึกซึ้งมาก่อนแล้ว แต่ที่สังเกตได้ชัดคือนักเรียนจะแข่งกันเรียน ทำงานกลุ่มไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนฝากความหวังไว้ที่ครูพลกิตเพื่อช่วยพัฒนาและแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้องนี้ให้ได้

ภารกิจ

1. ครูพลกิตจะมีหลักในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้ให้มี
ประสิทธิภาพได้อย่างไร
     การที่ครูพลกิตจะสามารจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพได้นั้นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมดังนี้
1.      การเตรียมสื่อการเรียนรู้
       ผู้สอนจะต้องเตรียมความพร้อมของสื่อให้มีความสอดคล้องกับกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแผนที่ได้ออกแบบไว้ ในการใช้สื่อนั้นผู้สอนอาจแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ก่อนการจัดการเรียนรู้ ระหว่างการจัดการเรียนรู้และหลังการจัดการเรียนรู
     1. ก่อนการจัดการเรียนรู้
1.1 ผู้สอนและผู้เรียนควรมีการศึกษาวิธีการใช้งานสื่อและวิธีการจัดการเรียนรู้ให้
เกิดความช านาญ
1.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อว่าสามารถใช้งานได้จริง
1.3 เก็บสื่อและวัสดุการเรียนให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน
1.4 กรณีใช้สื่อที่มีเสียงประกอบหรือวีดิทัศน์ ควรทดสอบว่าสามารถแสดงผลได้
ตามที่ต้องการหรือไม่
1.5 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสื่อต่างๆนั้นผู้เรียนสามารถมองเห็นหรือได้ยินอย่างทั่วถึง
ในชั้นเรียน
     2. ระหว่างการจัดการเรียนรู้
2.1 มีการเน้นสาระส าคัญ ความคิดยอดที่ต้องการให้ผู้เรียนใส่ใจด้วยการเขียนบน
กระดานหรือเน้นลงในสื่อ
      3. หลังการจัดการเรียนรู้
3.1 ปฏิบัติตามที่ก าหนดในบทเรียนด้วยการอภิปราย การท าโครงงานหรือกิจกรรม
อื่นๆที่ให้ผู้เรียนได้น าความรู้ไปใช้

2.                  การเตรียมสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
                 ผู้สอนแบบมืออาชีพ จะต้องกำหนดหรือจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียน
สามารถสร้างประสบการณ์เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าการจัดการเรียนรู้นั้นจะเกิดในห้องเรียน
ก็ต้องเตรียมความพร้อมของห้องเรียนให้น่าเรียน เอื้อต่อการจัดกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมการ
เรียนรู้อื่นๆ บางวิชาอาจต้องใช้ห้องปฏิบัติการดังเช่น วิทยาศาสตร์และภาษา ครูจะต้องเตรียมความ
พร้อมของห้องปฏิบัติการเหล่านั้นให้สามารถใช้การได้ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ดังเช่น แสง
ไฟ เครื่องเสียง ปลั๊กไฟ หรืออุปกรณ์ทดลองเฉพาะ เป็นต้น ให้อุปกรณ์เหล่านั้นมีสภาพที่พร้อมใช้
งานได้จริง
การเตรียมผู้เรียน
เมื่อผู้สอนเริ่มจัดการเรียนรู้ ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมของผู้เรียน ซึ่งผู้เรียนจะเรียนรู้อะไรได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้เรียนนั้นเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมในการเรียนอย่างไร ผู้สอนจะดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามที่วางแผนไว้เพราะผู้เรียนจะต้องเป็นผู้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ครูพลกิตไ้ด้รับมอบหมายให้สอนเป็นเด็กที่มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว  ครูพลกิจควรที่จะเตรียมผู้เรียนโดยแนะนำนักเรียนไปก่อนว่าครั้งต่อไปจะสอนเรื่องอะไรนักเรียนจะได้ไปศึกษามาล่วงหน้า
การดำเนินการตามบทเรียน
หลังจากที่ได้เตรียมสื่อและผู้เรียนไปแล้ว  ครูพลกิต ควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
      1.ให้กิจกรรมการเรียนรู้ที่ชัดเจน ผู้สอนควรอธิบายภารกิจการเรียนรู้หรือสถานการณ์ให้ผู้เรียนทราบถึงแนวทางปฏิบัติในการเรียน และจะต้องตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนเกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติกิจกรรม
     2.การกำหนดขั้นตอนในการเรียนรู้ ผู้สอนจะต้องวางขั้นตอนของกิจกรรมให้ง่ายและขับเคลื่อนให้ผู้เรียนสามารถด าเนินการเรียนรู้ได้ตามเป้าหมายของกิจกรรม
      3.การสร้างแรงจูงใจในการเรียน ในการเรียนผู้เรียนจะต้องใส่ใจกับภารกิจที่ได้รับผู้สอนสามารถสนับสนุนให้ผู้เรียนมีความตระหนักและตื่นตัวในการเรียน ด้วยการชี้น าให้ผู้เรียนเห็นถึงมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับภารกิจทั้งประเด็นและแนวทางแก้ปัญหา การส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างที่อยู่รอบตัวเพื่อค้นหาแนวทางแก้ปัญหา
       4.การตั้งคำถามในระหว่างเรียน การตั้งคำถาม เป็นเทคนิคที่ผู้สอนสามารถใช้ในการกระตุ้นความสนใจเกี่ยวกับการเรียน การส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิด ทั้งยังเป็นการประเมินเพื่อพัฒนาความเข้าใจของผู้เรียนในขณะเรียนได้เป็นอย่างดี

2. ให้วิเคราะห์ว่าจะเลือกใช้สื่อหรือวิธีการจัดการเรียนรู้แบบใดจึงจะสอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียนตามสถานการณ์ที่กำหนดให้

นักเรียนห้องนี้มีลักษณะที่ชอบค้นคว้า หาความรู้
กิจกรรมที่เน้นให้ปฏิบัติได้ลงมือกระทำ ฝึกคิดหรือที่ท้ายทายการท างานนักเรียนจะชอบมาก อีกทั้ง
ยังเรียนพิเศษแบบเข้มข้นเนื้อหาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้และท าความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
มาก่อนแล้ว แต่ที่สังเกตได้ชัดคือนักเรียนจะแข่งกันเรียน ท างานกลุ่มไม่ค่อยประสบความส าเร็จ
เท่าที่ควร ซึ่งผู้อ านวยการโรงเรียนฝากความหวังไว้ที่ครูพลกิตเพื่อช่วยพัฒนาและแก้ปัยหาการ
เรียนรู้

การใช้สื่อมัลติมีเดียและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประยุกต์
จากที่เด็กนักเรียนห้องนี้มีลักษณะที่ชอบค้นคว้า หาความรู้
กิจกรรมที่เน้นให้ปฏิบัติได้ลงมือกระทำ อีกทั้งยังเรียนพิเศษแบบเข้มข้นเนื้อหาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้และทำาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาก่อนแล้วจึงเลือกใช้สื่อประเภทมัลติมีเดียและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ฝึกให้ผู้เรียนได้ใช้
คอมพิวเตอร์ในการโต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนใ น ข ณ ะ เ รี ย น รู้ได้

การใช้สื่อประเภทวิธีการ
จะเลือกใช้การเรียนแบบร่วมมือ
 เนื่องจากว่าเด็กห้องนี้ขาดคุณลักษณะในการทำงานกลุ่ม   ดังนั้นจึงควรจัดการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อให้เด็กได้เรียนร่วมกันเป็นกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ รู้จักทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือกันในการผสมผสาน
ความรู้ที่มีอยู่เดิมกับความรู้ใหม่ และค้นพบความหมายของสิ่งที่ศึกษาด้วยกลุ่ม โดยทำกิจกรรมใน
การสืบค้น (Explore) อภิปราย (Discuss) อธิบาย (Explain) สอบสวนแนวความคิดและแก้ปัญหา
ร่วมกันในกลุ่ม เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกัน การเล่าเรื่องรอบวง (Round robin) เป็นเทคนิคการเรียนแบบร่วมมือที่เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มได้เล่าประสบการณ์ ความรู้ สิ่งที่ตนก าลังศึกษา สิ่งที่ตนประทับใจให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น